Saturday, August 21, 2010

ร้อยเรียงเรื่องเล่า


ได้ เริ่มต้นการค้นคว้ามาหลายวันมากสำหรับดินแดนสิบสองปันนา หรือเชียงรุ่ง เนื่องจากเป็นดินแดนซึ่งเป็นรัฐไทยอิสระอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลยูนหนาน และมีความสัมพันธ์กับไทยมาช้านาน ประชาชนพลเมืองล้วนแต่เป็นชาวไทภูเขา โดยเฉพาะไทลื้อจะเยอะที่สุด และดินแดนสิบสองปันนาก็เปรียบเสมือเป็นเมืองหลวงหรือศูนย์กลางแห่งชาวไทลื้อ ด้วยเช่นกัน

ไทลื้อเป็นหนึ่งในกลุ่มชนชาติ ไท หรือ ไต ชนชาติที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาช้านานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อุษาคเนย์ เป็นชนชาติที่มีภาษาวัฒนธรรมเป็นของตนเอง มีความสามารถทางการเพาะปลูกและการเกษตรกรรมเก่าแก่ไม่แพ้ชนชาติใดในโลก

มี หลักฐานทางประวัติศาสตร์และทางโบราณคดีได้กล่าวไว้ว่า ชาวไทลื้อดำรงชนชาติมานานกว่า 2,000 ปี อาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางของชาวไทลื้อสถาปนาขึ้นเมื่อราว 800 ปีก่อน ตามหลักฐานทางโบราณคดีระบุว่า ขุนเจือง หรือ พญาเจือง ได้รวบรวมชาวไทลื้อกลุ่มเล็กๆให้เป็นปึกแผ่น


และสถาปนาอาณาจักร หอคำเชียงรุ่ง ขึ้นบริเวณเมืองเชียงรุ่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาแห่งนี้ในปี พ.ศ.1723 โดยประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นอยู่กับอาณาจักรตาลีฟูของจีน และครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์แรก มีพระนามว่า สมเด็จพระเป็นเจ้าหอคำเชียงรุ่งองค์ที่ 1

ชื่อเชียงรุ่ง มาจากเรื่องราวในพุทธตำนานของชาวไทลื้อที่ว่า เมื่อครั้งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ถึงยังดินแดนริมฝั่งโขงของ ชาวไทลื้อแห่งนี้ ก็เป็นเวลาเช้าพอดี จึงเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า เชียงรุ่ง อันเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบไปในอนาคต ดินแดนริมแม่น้ำโขงจึงถึงเรียกว่า เชียงรุ่ง สืบมา

ชาวไทลื้อออก เสียง พ.พาน เป็นเสียง ป.ปลา จึงออกเสียงหัวเมืองทั้งหมดที่มีสิบสองพันนาเป็นสิบสองปันนา ระบบการปกครองแบบพันนานี้ก็เริ่มขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอินทร์เมืองรัชกาล ที่ 21แห่งอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง ในราวปี พ.ศ.2115 ซึ่งมีเมืองต่างๆ กระจายกันอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง


ตามคำเรียกขานอย่างคล้องจอง ของชาวไทลื้อที่ว่า 5 เมิงตะวันตก 6 เมิงตะวันออก อันหมายถึงเมืองหรือพันนาทางฝั่งตะวันตกของของแม่น้ำโขงนั้นมี 5 เมือง และฝั่งตะวันออกอีก 6 เมือง รวมกับเชียงรุ่งซึ่งเป็นศูนย์กลางอีก 1 เมือง เป็น 12 เมืองใหญ่ หรือ 12 พันนา

คนไทยจากเมืองไทยได้รู้จักและไปมา หาสู่ชาวไทลื้อสิบสองปันนาที่เป็นเสมือนชนร่วมสายบรรพบุรุษอีกครั้ง แต่ช่วงเวลาแห่งความสวยงามเหล่านี้ยืนอยู่ได้ไม่นานนัก วัฒนธรรมของชาวไทลื้อสิบสองปันนาก็ต้องมาถูกทำลายอีกครั้ง


ซึ่ง เป็นการทำลายล้างอย่างหนักหน่วงกว่าการปฏิวัติวัฒนธรรมโดยระบอบคอมมิวนิสต์ เสียอีก และเป็นการทำลายวัฒนธรรมของชาวไทลื้ออย่างถาวรอีกด้วย นั่นคือการถูกทำลายจากการพัฒนาในระบอบทุนนิยมนั่นเอง


เคยมี ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นชาวเหนือโดยแท้ ได้พูดกับฉันไว้ครั้งหนึ่งว่า หากอาณาจักรล้านนา จะรวมตัวและตั้งประเทศขึ้นมาเอง ย่อมได้อยู่แล้ว และภาษาที่ใช้ประจำชาติ ก็จะต้องเป็นภาษาเหนือ ไม่ใช่ภาษากลาง ทำให้ฉันมองภาพว่า ถ้าเป็นไปได้จริง อาณาจักรล้านนา ก็คงจะใกล้เคียงกับ สิบสองปันนาเป็นแน่แท้

http://usawadee3.blogspot.com/2010/05/2000-800.html

No comments:

Post a Comment